มีบางสิ่งในบ้านที่เราเห็นทุกวัน นั่งทับมันทุกวัน แต่กลับมองข้ามมันเป็นปี นั่นคือโซฟา ในปี 2568 โซฟาไม่ได้เป็นเพียงแค่เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งอีกต่อไป มันคือศูนย์รวมของครอบครัว และบางครั้งอาจเป็นสนามเด็กเล่น ห้องพักผ่อน หรือแม้กระทั่งโต๊ะอาหาร หลายบ้านยังเข้าใจผิดว่าการดูดฝุ่นโซฟาทุกเดือนคือ “เพียงพอ” แต่ความจริงคือ มันยังไม่พอ เพราะโซฟาเก็บสะสมฝุ่นละเอียด ไรฝุ่นในบ้าน เชื้อรา รวมถึงสารก่อภูมิแพ้ ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ในบทความนี้ เราจะเจาะลึกว่า ทำไมการทำความสะอาดโซฟา ถึงสำคัญกว่าที่คุณคิด สุขภาพของคุณมีความสัมพันธ์กับโซฟามากแค่ไหน และ เคล็ดลับง่ายๆ ที่จะทำให้โซฟากลับมาสะอาดเหมือนใหม่อีกครั้ง

ทำไมการทำความสะอาดโซฟาถึงสำคัญกว่าที่คุณคิด

โซฟา คือ สิ่งที่เรานั่งทุกวัน แต่ไม่เคยรู้ว่ามันซ่อนอะไรไว้บ้าง
สิ่งที่ซ่อนอยู่ในผ้านุ่มๆ เหล่านั้น ไม่ได้มีแค่ฝุ่น แต่ยังมีเศษผิวหนังที่ลอกออกตามธรรมชาติ เส้นผม เศษอาหารเล็กๆ รวมถึงไขมันจากผิวหนัง

จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ พบว่า โซฟา 1 ตัว อาจมีไรฝุ่นมากถึง 10,000 ตัว ต่อหนึ่งตารางเมตร
ไรฝุ่นเหล่านี้ชื่นชอบความชื้นจากอากาศเมืองไทย และจะขยายพันธุ์ได้รวดเร็วในสภาพอากาศแบบนี้

ยิ่งถ้าโซฟาอยู่ในห้องที่ปิดมิดชิด ไม่มีแดด หรือไม่เคยทำความสะอาดอย่างล้ำลึก ไรฝุ่นก็จะยิ่งขยายอาณาจักร
และทุกครั้งที่เรานั่ง ลง เอนตัว หรือนอนเล่นบนโซฟา
ไรฝุ่นเหล่านี้จะฟุ้งขึ้นมาพร้อมลมหายใจที่เราสูดเข้าไป

วิธีทำความสะอาดโซฟาเบื้องต้นที่ทุกบ้านควรรู้

การทำความสะอาดโซฟาไม่จำเป็นต้องจ้างมืออาชีพทุกครั้ง หากคุณเข้าใจพื้นฐานของวัสดุ และมีเครื่องมือที่เหมาะสม การดูแลโซฟาเองที่บ้านก็เป็นเรื่องง่าย และช่วยประหยัดงบได้มากในระยะยาว ต่อไปนี้คือแนวทางเบื้องต้นที่ทุกบ้านควรรู้ในการทำความสะอาดโซฟา

ตรวจสอบวัสดุหุ้มโซฟา (ผ้า หนังเทียม หนังแท้)

ก่อนเริ่มทำความสะอาดทุกครั้ง ต้องรู้ว่าโซฟาของคุณทำจากวัสดุอะไร เพราะการใช้ผลิตภัณฑ์หรือวิธีผิดประเภท อาจทำให้โซฟาเสียหายได้

  • โซฟาผ้า
    ควรใช้เครื่องดูดฝุ่นหัวแปรงนุ่ม และน้ำยาทำความสะอาดแบบเฉพาะเจาะจงสำหรับผ้า
    หลีกเลี่ยงการใช้น้ำปริมาณมาก เพราะอาจทำให้เกิดกลิ่นอับหรือเชื้อรา
  • โซฟาหนังเทียม
    ใช้ผ้าชุบน้ำสบู่อ่อนๆ เช็ด จากนั้นใช้ผ้าแห้งเช็ดซ้ำ
    อย่าใช้น้ำยาที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์หรือสารกัดกร่อน
  • โซฟาหนังแท้
    ใช้ผลิตภัณฑ์เฉพาะสำหรับหนังแท้เท่านั้น
    หลังทำความสะอาดควรลงครีมบำรุงหนังเพื่อคงความนุ่มและเงา

วิธีดูดฝุ่นและทำความสะอาดคราบเปื้อนทั่วไป

การทำความสะอาดควรเริ่มจากการดูดฝุ่นก่อนเสมอ เพื่อให้คราบไม่ฝังแน่นลงไปในเนื้อผ้า

  1. ดูดฝุ่นให้ทั่ว
    • ใช้หัวดูดแปรงขนนุ่ม
    • ดูดฝุ่นตามร่อง เบาะ พนักพิง และใต้เบาะ
  2. จัดการกับคราบเปื้อนเบื้องต้น
    • ผสมสบู่อ่อนหรือน้ำยาทำความสะอาดสำหรับผ้า กับน้ำอุ่น
    • ใช้ผ้าขาวชุบน้ำยา บิดหมาด แล้วเช็ดเบาๆ บนคราบ
    • ซับซ้ำด้วยผ้าแห้ง อย่าถูแรง เพราะอาจทำให้เนื้อผ้าหลุดลุ่ย
  3. อย่าลืมตากลมหรือเปิดพัดลมหลังทำความสะอาด
    เพื่อให้ความชื้นระเหยเร็วขึ้น ป้องกันกลิ่นอับและเชื้อรา

อุปกรณ์พื้นฐานที่แนะนำ

การทำความสะอาดโซฟาจะง่ายขึ้นมาก ถ้ามีเครื่องมือที่เหมาะสม

  • เครื่องดูดฝุ่นแบบพกพา
    ควรมีหัวดูดหลายรูปแบบ เพื่อเข้าถึงซอกเล็กๆ และพื้นผิวต่างกัน
  • แปรงขนนุ่ม
    สำหรับขัดเบาๆ บนรอยเปื้อนหรือฝุ่นฝังแน่น
  • ผ้าไมโครไฟเบอร์
    ซับน้ำได้ดี ไม่ทิ้งขุย ไม่ทำร้ายผิววัสดุโซฟา
  • น้ำยาทำความสะอาดเฉพาะทาง
    เช่น น้ำยาทำความสะอาดโซฟาผ้า หรือครีมบำรุงโซฟาหนัง
  • ถุงมือยาง
    เพื่อป้องกันมือจากสารเคมีและรักษาความสะอาด

กำจัดไรฝุ่นบนโซฟาให้หมดจด: ขั้นตอนและเทคนิคจากผู้เชี่ยวชาญ

ไรฝุ่น คือ ศัตรูเงียบที่ซ่อนอยู่ในทุกบ้าน โดยเฉพาะบนโซฟาที่เรานั่งเอนตัวลงทุกวัน แม้จะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่ไรฝุ่นสามารถกระทบต่อสุขภาพอย่างร้ายแรง โดยเฉพาะในเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีภูมิแพ้
การทำความสะอาดโซฟาให้ปลอดไรฝุ่นจึงไม่ใช่แค่เรื่องของความสะอาด แต่เป็นเรื่องของการดูแลคุณภาพชีวิต

ในหัวข้อนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักไรฝุ่นให้ลึกขึ้น พร้อมขั้นตอนในการกำจัดอย่างถูกวิธี ด้วยแนวทางจากแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง

กรณีศึกษา: บ้านที่เปลี่ยนชีวิตหลังทำความสะอาดโซฟา

มีบางช่วงเวลาในชีวิตที่เราไม่คาดคิดว่า “การทำความสะอาดโซฟา” จะกลายเป็นจุดเปลี่ยนของคุณภาพชีวิต
แต่มันเกิดขึ้นแล้ว กับหลายครอบครัวที่เคยใช้โซฟาเป็นที่พักใจ แต่กลับกลายเป็นแหล่งกระตุ้นภูมิแพ้โดยไม่รู้ตัว

กรณีศึกษาต่อไปนี้ไม่ได้ถูกเล่าผ่านโฆษณา
แต่ถ่ายทอดจากผู้ใช้งานจริง ผู้ที่ผ่านอาการเรื้อรัง ผื่นคัน น้ำมูกไหล และการหาหมอซ้ำซาก
จนกระทั่ง…เขาทำความสะอาดโซฟา

ไรฝุ่นคืออะไร และมีผลเสียอย่างไรต่อสุขภาพ

ไรฝุ่น (House Dust Mite) เป็นแมลงจิ๋วขนาดไม่เกิน 0.3 มิลลิเมตร
อาศัยอยู่ในที่อุ่นชื้น ชอบกินเศษผิวหนังของมนุษย์ และพบมากในผ้าปูที่นอน หมอน พรม รวมถึง โซฟา

แม้ไรฝุ่นเองจะไม่กัดหรือทำร้ายร่างกายโดยตรง
แต่ ของเสียจากไรฝุ่น และ ซากไรฝุ่นที่ตายแล้ว
สามารถกลายเป็นสารก่อภูมิแพ้ (Allergen) ที่กระตุ้นอาการต่างๆ ได้ เช่น

  • คัดจมูกเรื้อรัง
  • ไอหรือจามบ่อยโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • ผื่นผิวหนัง
  • หายใจลำบาก โดยเฉพาะในผู้ที่เป็นหอบหืด

องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า 1 ใน 3 ของประชากรโลกอาจมีอาการแพ้ไรฝุ่นในระดับใดระดับหนึ่ง

วิธีสังเกตว่าโซฟาคุณมีไรฝุ่นหรือไม่

แม้ไรฝุ่นจะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่สัญญาณต่อไปนี้อาจบ่งชี้ว่าโซฟาของคุณกำลังกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของมัน

  • มีฝุ่นผงสะสมในร่องเบาะหรือพนักพิง
  • กลิ่นอับแม้จะไม่ได้เปียกน้ำ
  • รู้สึกคันหรือจามบ่อยหลังนั่งโซฟา
  • เด็กเล็กมีผื่นผิวหนังหรือไอเรื้อรังโดยไม่ทราบสาเหตุ

ถ้าคุณลองนำแสงไฟฉายส่องใกล้ๆ แล้วเห็นฝุ่นละเอียดลอยขึ้นเมื่อทุบเบาะเบาๆ
นั่นคือสัญญาณว่าอาจมีไรฝุ่นแฝงอยู่ในเนื้อผ้า

เทคนิคการกำจัดไรฝุ่นอย่างได้ผล (ความร้อน การดูดฝุ่นแบบ HEPA)

วิธี กำจัดไรฝุ่น บนโซฟา ต้องอาศัยมากกว่าการปัดฝุ่นหรือใช้ผ้าเปียกเช็ด

1. ใช้เครื่องดูดฝุ่นที่มีแผ่นกรอง HEPA

  • แผ่นกรอง HEPA (High Efficiency Particulate Air) สามารถดักจับอนุภาคขนาดเล็กกว่า 0.3 ไมครอนได้ถึง 99.97%
  • แนะนำให้ดูดฝุ่นโซฟาสัปดาห์ละ 1–2 ครั้ง

2. ใช้ความร้อนเพื่อฆ่าไรฝุ่น

  • ไรฝุ่นจะตายเมื่ออุณหภูมิเกิน 60 องศาเซลเซียส
  • ใช้เครื่องอบไอน้ำ หรือไดร์เป่าผมปรับร้อนระดับสูง ไล่ความชื้นออกจากเบาะ
  • ระวังการใช้กับวัสดุหนังเทียมหรือหนังแท้ เพราะอาจทำให้เสียหาย

3. เปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท

  • แสงแดดและลมช่วยลดความชื้น ลดการสะสมของไรฝุ่นในโซฟา

4. ใช้น้ำยาฆ่าไรฝุ่น

  • เลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรองจากสถาบันทางการแพทย์
  • อ่านฉลากและทดสอบกับผ้าเล็กน้อยก่อนใช้จริง

คำแนะนำจากแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิแพ้

พญ.ณัฐพร แสงสุริยะ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคภูมิแพ้ โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า

“การควบคุมปัจจัยกระตุ้นในสิ่งแวดล้อม เป็นหัวใจสำคัญในการลดอาการภูมิแพ้ โดยเฉพาะบ้านที่มีเด็กและผู้สูงอายุ การทำความสะอาดโซฟาอย่างสม่ำเสมอสามารถลดความเสี่ยงของอาการได้จริง”

จากคำแนะนำของสมาคมโรคภูมิแพ้แห่งประเทศไทย

  • ควรทำความสะอาดโซฟาอย่างลึกทุก 3–6 เดือน
  • หากบ้านมีผู้ที่เป็นภูมิแพ้ แนะนำให้ใช้ผ้าคลุมโซฟาแบบกันไรฝุ่น และซักบ่อยๆ

นอกจากนี้

  • หลีกเลี่ยงการนำน้องหมาแมวขึ้นโซฟา
  • และหลีกเลี่ยงการใช้น้ำหอมฉีดผ้าชนิดแรง ซึ่งอาจทำให้สารก่อภูมิแพ้ฟุ้งกระจาย

ทำความสะอาดโซฟาด้วยเครื่องมือเคเชอร์ ดีไหมและเหมาะกับใคร

ในยุคที่เครื่องใช้ไฟฟ้ากลายเป็นผู้ช่วยประจำบ้านที่เกือบจะขาดไม่ได้
การทำความสะอาดโซฟาก็ไม่จำเป็นต้องใช้แรงขัดถูจนมือเปื่อยอีกต่อไป
โดยเฉพาะเมื่อมีแบรนด์อย่าง Karcher (คาร์เชอร์) ที่พัฒนาเครื่องทำความสะอาดโซฟามาอย่างต่อเนื่อง

เครื่องทำความสะอาดโซฟาจาก Karcher ไม่ใช่แค่เครื่องดูดฝุ่นธรรมดา
แต่มันถูกออกแบบมาเพื่อการ “ซัก + ดูดกลับ” ในคราวเดียว เหมาะกับคนเมืองที่ต้องการความสะอาดระดับมืออาชีพ ซึ่งในปัจจุบันมีบริการมากมายที่ใช้เครื่องมือ ทำความสะอาดโซฟา จากแบรนด์เคเชอร์ ที่มีคุณภาพ

รีวิวจากผู้ใช้จริง (จากเว็บไซต์ Karcher ประเทศไทย และผู้ใช้งานในกลุ่มบ้านและสวน) ระบุว่า

  • โซฟาดูสะอาดขึ้นตั้งแต่ครั้งแรก
  • กลิ่นอับลดลงทันที
  • แต่ตัวเครื่องค่อนข้างใหญ่ ต้องมีพื้นที่จัดเก็บ

ในเชิงราคานั้น รุ่น SE 4002 อยู่ที่ประมาณ 11,000–13,000 บาท (ปี 2568)
ซึ่งเมื่อเทียบกับการจ้างมืออาชีพ 3–4 ครั้ง ก็ถือว่าคุ้มในระยะยาว

วิธีใช้เครื่อง Karcher อย่างถูกต้อง

การใช้งานเครื่อง Karcher ต้องมีขั้นตอนที่ชัดเจน เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด และไม่ทำลายโซฟา

ขั้นตอนพื้นฐาน

  1. เตรียมน้ำยาทำความสะอาด
    • ใช้น้ำยาที่ Karcher แนะนำ หรือผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่าเหมาะกับเครื่องดูดกลับ
  2. เติมน้ำสะอาดและน้ำยาในถังแยก
    • ระบบของ Karcher จะแยกน้ำสกปรกและน้ำสะอาดไว้คนละถัง
  3. พ่นและดูดกลับไปพร้อมกัน
    • ใช้หัวดูดเฉพาะสำหรับเบาะ พ่นน้ำยาบางๆ บนพื้นผิว แล้วดูดกลับทันที
    • ห้ามปล่อยให้ชุ่มน้ำเกินไป เพราะอาจทำให้โซฟาอับชื้น
  4. ตากลมหรือเปิดพัดลมช่วยลดความชื้น
    • เพื่อให้โซฟาแห้งเร็วและไม่เกิดกลิ่น

คำแนะนำพิเศษ

  • ทดสอบจุดเล็กๆ ก่อนใช้จริง
  • ห้ามใช้กับวัสดุที่ไม่ทนน้ำ เช่น หนังบางชนิด หรือผ้าไหม

ข้อดี–ข้อเสีย เมื่อเทียบกับการทำความสะอาดแบบปกติ

ด้านเครื่อง Karcherการทำความสะอาดด้วยมือทั่วไป
ความสะอาดลึกถึงใยผ้า ดูดฝุ่นและคราบได้จริงทำความสะอาดเฉพาะผิวหน้า
ความสะดวกใช้งานง่าย แต่เครื่องใหญ่ประหยัดพื้นที่ แต่ใช้แรงเยอะ
เวลาเสร็จเร็วใน 30–45 นาทีใช้เวลานานกว่า 1–2 ชม.
ค่าใช้จ่ายระยะยาวลงทุนครั้งเดียวต้องซื้ออุปกรณ์ใหม่บ่อยครั้ง
เหมาะกับบ้านที่ทำความสะอาดบ่อยบ้านที่ใช้งานเบาๆ

เหมาะกับบ้านแบบไหน? (เด็กเล็ก สัตว์เลี้ยง ภูมิแพ้)

เครื่องทำความสะอาดโซฟาจาก Karcher เหมาะมากกับบ้านที่มี…

  • เด็กเล็ก
    เพราะสามารถขจัดเชื้อโรค และสิ่งสกปรกฝังลึกที่อาจทำให้เกิดผื่นหรือภูมิแพ้
  • สัตว์เลี้ยง
    ขนสัตว์ มูลแมว หรือกลิ่นสัตว์จะถูกดูดออกได้ดีโดยเฉพาะเมื่อใช้น้ำยาฆ่าเชื้อร่วมด้วย
  • ผู้ที่มีอาการแพ้ไรฝุ่น
    หัวดูดของ Karcher ใช้ระบบ HEPA ร่วมกับแรงดูดสูง ช่วยลดการฟุ้งกระจายของไรฝุ่น
    เป็นทางเลือกที่ได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านโรคภูมิแพ้
  • บ้านที่ไม่มีเวลาจ้างช่างบ่อยๆ
    ใช้เพียงเดือนละ 1 ครั้ง ก็เพียงพอต่อการดูแลรักษาโซฟาให้นั่งได้อย่างมั่นใจ

ผู้ใช้งานจริงที่เคยมีปัญหาภูมิแพ้จากโซฟา

คุณธนพล อายุ 38 ปี พนักงานไอทีในกรุงเทพฯ เคยคิดว่าอาการคัดจมูกตอนเช้าเป็นแค่ “แพ้อากาศ”
จนวันหนึ่งภรรยาของเขาสังเกตว่า ลูกสาววัย 5 ขวบ เริ่มมีผื่นบริเวณต้นขาหลังจากนั่งเล่นบนโซฟาประจำ

“เราไม่เคยทำความสะอาดโซฟาจริงๆ เลยครับ แค่ดูดฝุ่นนิดๆ หน่อยๆ เอง”
เขากล่าวพร้อมยอมรับว่า โซฟาผ้าสีเทาของบ้าน ไม่เคยผ่านการล้างหรือซักมากกว่า 4 ปี

หลังจากพาไปพบแพทย์เฉพาะทาง จึงได้รู้ว่า อาการภูมิแพ้ในบ้านกว่า 60% มีจุดเริ่มต้นจาก “ไรฝุ่น”
และโซฟาคือหนึ่งในแหล่งสะสมอันดับต้นๆ รองจากที่นอน

ผลลัพธ์หลังใช้เครื่องทำความสะอาด Karcher

ภรรยาของคุณธนพลตัดสินใจซื้อเครื่อง Karcher SE 4002 มาทดลองใช้งานด้วยตัวเอง
ผลลัพธ์เกิดขึ้นภายในไม่กี่วัน

  • กลิ่นอับที่เคยติดอยู่ในผ้าโซฟาหายไป
  • คราบสกปรกสะสมจากอาหาร ขนม และเหงื่อในหน้าร้อนถูกดูดออก
  • ที่สำคัญที่สุด อาการของลูกสาวเริ่มดีขึ้น

“หลังทำความสะอาดไป 2 รอบ อาการผื่นที่ขาขวาของลูกหายไปเลยครับ
ตอนแรกนึกว่าเป็นผิวแพ้อากาศ ที่ไหนได้คือแพ้ไรฝุ่น”

แม้จะไม่ได้เปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ใหม่ แต่บ้านกลับรู้สึก “เบาสบาย” ขึ้นแบบจับต้องได้

ความรู้สึกและประสบการณ์ตรงจากครอบครัวที่มีเด็กเล็ก

คุณนิศา แม่ลูกสองจากนนทบุรี เล่าให้ฟังว่า ลูกคนเล็กมักไอและมีเสมหะตอนกลางคืน
ทุกครั้งหลังเล่นของเล่นบนโซฟา

เมื่อเธอเริ่มหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต ก็พบว่าโซฟาผ้าอาจเป็นต้นตอของไรฝุ่น และเป็นตัวกระตุ้นภูมิแพ้อันดับต้นๆ ในบ้าน

หลังทดลองเช่าเครื่อง Karcher มาใช้งานเอง
เธอเปิดพัดลมให้แห้งข้ามคืน และลองให้ลูกนั่งเล่นบนโซฟาอีกครั้ง

“ผ่านไป 2–3 วัน ไม่มีเสียงไอแล้วค่ะ มันดีขึ้นแบบชัดเจนมาก
แม้แต่กลิ่นก็หอมสะอาดเหมือนโซฟาใหม่”

เธอกล่าวว่าการทำความสะอาดโซฟาในบ้านที่มีเด็กเล็กนั้นไม่ใช่ “ทางเลือก” อีกต่อไป
แต่มันคือ “ความจำเป็น”

คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขอนามัยในบ้าน

การทำความสะอาดโซฟายังมีความเข้าใจผิดมากมายที่แฝงอยู่
โดยเฉพาะในสังคมเมืองที่พื้นที่จำกัด และเวลาแทบไม่มี

ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการทำความสะอาดโซฟา

ความเชื่อที่ 1: ดูดฝุ่นอย่างเดียวก็พอ

ความจริง: ฝุ่นบนโซฟาบางชนิดเกาะลึกในใยผ้า และต้องใช้ระบบ “ดูด + ล้าง” เท่านั้นจึงจะหลุดออก

ความเชื่อที่ 2: ทำปีละครั้งก็พอ

ความจริง: ถ้าคุณมีเด็กเล็กหรือสัตว์เลี้ยง ควรทำอย่างน้อยทุก 3 เดือน

ความเชื่อที่ 3: โซฟาหนังไม่ต้องทำความสะอาด

ความจริง: โซฟาหนังกักเก็บคราบมันและกลิ่นได้มาก ต้องเช็ดและบำรุงสม่ำเสมอ

แนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนและประหยัด

  • ใช้ผ้าคลุมโซฟาแบบถอดซักได้ ช่วยลดคราบและไรฝุ่นได้ถึง 70%
  • วางโซฟาใกล้ช่องลม หรือหน้าต่าง ให้แสงแดดฆ่าเชื้อแบบธรรมชาติ
  • เช่าเครื่องทำความสะอาดแบบมืออาชีพ แทนการซื้อ หากใช้ไม่บ่อย
  • ฝึกให้เด็กไม่กินบนโซฟา ลดคราบจากอาหารที่อาจดึงดูดเชื้อราและแมลง

ข้อควรระวังและข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยง

  • อย่าใช้น้ำมากเกินไป โดยเฉพาะกับโซฟาผ้า
  • ห้ามใช้สารเคมีแรงโดยไม่ทดลองกับผ้าเล็กๆ ก่อน
  • ควรดูดฝุ่นก่อนพ่นน้ำยาเสมอ เพื่อไม่ให้ฝุ่นฝังลึก
  • ระวังการใช้เครื่องทำความสะอาดกับโซฟาหนังเทียม เพราะความร้อนอาจทำให้ลอก

บทสรุปจากผู้เชี่ยวชาญ
ดร.นพ.ภาสกร วิทยวัฒน์ นักวิจัยด้านสิ่งแวดล้อมในบ้าน ให้สัมภาษณ์ว่า

“สุขภาพที่ดีเริ่มจากพื้นที่ที่เรานั่งอยู่ทุกวัน โซฟาไม่ใช่แค่ของตกแต่ง
มันคือเฟอร์นิเจอร์ที่สะสมเชื้อโรคได้มากที่สุด ถ้าไม่ดูแลอย่างสม่ำเสมอ”

เพราะการดูแลโซฟา ไม่ได้หมายถึงแค่ความสะอาด
แต่มันสะท้อนถึงวิธีที่คุณดูแลครอบครัว และคุณภาพชีวิตในบ้านอย่างแท้จริง

Share.

เจ้าของบริษัทรับทำความสะอาดครบวงจร มีประสบการณ์ด้านการทำความสะอาดมามากกว่า 20 ปี

Leave A Reply

Exit mobile version