สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาชวนคุยเรื่องที่หลายคนอาจมองข้ามแต่จริงๆ สำคัญมากนะคะ นั่นก็คือ “การทำความสะอาดโทรศัพท์มือถือ” ของรักของหวงที่เราใช้ทุกวัน ตั้งแต่ตื่นยันเข้านอน โทรศัพท์มือถือนี่แหละค่ะเป็นศูนย์รวมสิ่งสกปรก เชื้อโรค ฝุ่นละออง และคราบมันต่างๆ ที่เกาะติดอยู่ตามซอกเล็กซอกน้อย เพราะคิดดูนะคะ เราเอามือถือไปไหนมาไหน จับตลอดเวลา วางไว้บนโต๊ะอาหาร หยิบขึ้นมาระหว่างกินข้าว ขึ้นรถ ลงเรือ เดินห้าง เข้าห้องน้ำ บางคนเข้านอนยังถือโทรศัพท์ไว้ข้างตัว เรียกว่าแนบชิดกันเกือบจะ 24 ชั่วโมงเลยค่ะ แต่เคยถามตัวเองไหมว่าเราเอาใจใส่เรื่องความสะอาดโทรศัพท์กันแค่ไหน?
หลายๆ คนอาจจะแค่ใช้ผ้าเช็ดๆ หน้าจอ หรือบางทีเรายังไม่ทันจะนึกเลยด้วยซ้ำไปว่าโทรศัพท์ของเราสกปรกแค่ไหน เชื้อโรคแบคทีเรียและไวรัสต่างๆ ที่เกาะอยู่บนผิวเครื่องนี่มีเพียบค่ะ หากเราไม่ดูแลทำความสะอาดสม่ำเสมอ มีหวังสิวขึ้นหน้าหรืออาจเจ็บป่วยจากเชื้อโรคได้โดยไม่รู้ตัว อีกทั้งถ้าปล่อยให้มีฝุ่นหรือคราบสกปรกสะสมมากๆ ก็อาจทำให้สมาร์ตโฟนของเราเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ หรือช่องเสียบต่างๆ ติดขัดอีกด้วยค่ะ
วันนี้จะมาบอกต่อ เทคนิคการทำความสะอาด โทรศัพท์มือถือ ที่ทำได้ง่าย ไม่ต้องมีอุปกรณ์พิเศษแพงๆ แถมปลอดภัยกับตัวเครื่องอีกด้วยนะคะ เราจะพูดถึงตั้งแต่วัสดุและอุปกรณ์ที่ควรใช้ ขั้นตอนการเช็ดหน้าจอที่ถูกต้อง การทำความสะอาดส่วนที่เรามองข้ามอย่างช่องเสียบและลำโพง รวมถึงการดูแลรักษาหลังทำความสะอาดเสร็จ เพื่อให้เครื่องสะอาดเหมือนใหม่ อายุการใช้งานยาวนานขึ้น ที่สำคัญทำให้เราใช้งานได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวเชื้อโรคหรือฝุ่นเกาะหน้าให้กังวลใจค่ะ
ก่อนอื่นคะ เราต้องเข้าใจก่อนว่าพื้นผิวโทรศัพท์มือถือมีความบอบบางนะคะ อย่างหน้าจอสัมผัสเนี่ยเขาจะมีสารเคลือบบางอย่างเพื่อให้ลื่นนิ้วและกันรอยนิ้วมือ พวกน้ำยาแรงๆ หรือผ้าที่แข็งและหยาบมากๆ ถูไปจะทำให้เกิดรอยหรือทำลายสารเคลือบเหล่านั้นได้ ส่วนช่องลำโพง ช่องชาร์จ หรือช่องหูฟังเป็นจุดที่ฝุ่นชอบเข้าไปอุด ควรทำความสะอาดแบบนุ่มนวลและใช้เครื่องมือที่เหมาะสมค่ะ การทำความสะอาดอย่างถูกต้องจะช่วยไม่ให้เกิดความเสียหายและประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงนะคะ
สรุปง่ายๆ คือ การทำความสะอาดโทรศัพท์มือถือไม่ได้ยากเย็นอะไรเลยค่ะ ขอแค่เรารู้วิธีที่ถูกต้อง ใช้อุปกรณ์เหมาะสม ไม่รุนแรงจนเกินไป รู้จักเลือกผ้าและน้ำยาที่อ่อนโยนต่อผิวสัมผัส แค่นี้ก็เพียงพอแล้วค่ะ เดี๋ยวในหัวข้อถัดไป เราจะมาขยายความกันอย่างละเอียด ทั้งวัสดุที่ควรใช้ วิธีขั้นตอนต่างๆ รวมถึงข้อควรระวังไม่ให้ทำโทรศัพท์รักพัง บอกเลยว่าทำตามไม่ยาก แถมรู้สึกดีที่ได้ดูแลของรักอีกด้วยค่ะ
คลิปสอนทำความสะอาดมือถือ แบบปลอดภัย ไม่พังแน่นอน
ทำไมการทำความสะอาดโทรศัพท์จึงสำคัญ
พอพูดถึงเรื่องการทำความสะอาดโทรศัพท์มือถือ หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมต้องใส่ใจขนาดนั้น ในเมื่อเราเองก็ใช้งานตามปกติทุกวัน ไม่ได้เอาไปคลุกดินคลุกทราย หรือทำกิจกรรมที่เลอะเทอะตลอดเวลา แต่จริงๆ โทรศัพท์มือถือของเราเจอมลภาวะและสารปนเปื้อนจากสิ่งรอบตัวมากกว่าที่เราคิดค่ะ ลองนึกดูนะคะ พอเราหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูข้อความ ระหว่างที่มือเราอาจจะมีคราบน้ำมันจากอาหาร หรือเราจับราวรถเมล์ รถไฟฟ้ามาก่อน เชื้อโรคหรือแบคทีเรียที่เรามองไม่เห็นก็มาเกาะอยู่ที่ผิวเครื่องแล้วค่ะ
อีกอย่าง การที่โทรศัพท์มือถือถูกใช้งานทุกวัน วางไว้ตามที่ต่างๆ รวมถึงบางคนชอบหยิบมือถือเข้าไปเล่นในห้องน้ำอีกด้วย พอออกมา เชื้อแบคทีเรีย เชื้อราบางชนิด อาจติดไปด้วย นี่ยังไม่รวมถึงฝุ่นละอองเล็กๆ ในอากาศที่เราไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่ก็สามารถเข้าไปอุดตันในช่องลำโพง ช่องชาร์จ ทำให้เสียงไม่ชัดหรือเสียบชาร์จยากขึ้น และเมื่อปล่อยไว้นานๆ ความชื้นอาจจะเข้าข้างในจนเกิดสนิม หรือแผงวงจรเสียหายได้
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเราใช้โทรศัพท์แนบแก้ม ตอนโทร แบคทีเรียที่อยู่บนหน้าจออาจถ่ายโอนไปที่ผิวหน้าเรา เกิดสิวหรืออาการระคายเคืองผิวได้ หรือบางคนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาระหว่างทานขนม ของว่าง หล่นใส่น้ำจิ้มบ้าง น้ำหวานบ้าง แล้วเพียงแค่เช็ดๆ ผิวๆ ความเหนียวก็อาจยังคงอยู่ ก่อให้เกิดคราบสะสมในระยะยาว แถมยังมีกลิ่นอับอีกด้วยค่ะ
การทำความสะอาดโทรศัพท์จึงมีความสำคัญเพื่อสุขภาพของเราด้วยค่ะ ไม่ใช่แค่เรื่องความสะอาดเพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่มันคือการลดการสะสมของเชื้อโรค ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ การเกิดปัญหาสิวและผื่นแพ้บนใบหน้า อีกทั้งการดูแลภายในเครื่อง ลดคราบฝุ่น สิ่งสกปรก ช่วยให้ช่องต่างๆ ไม่อุดตัน ปุ่มกดและหน้าจอตอบสนองได้ดีเหมือนใหม่ ยืดอายุการใช้งานโทรศัพท์ให้ยาวนานขึ้น ไม่ต้องเสียเงินซ่อมบ่อยๆ
โทรศัพท์มือถือที่สะอาดยังบ่งบอกถึงความใส่ใจรายละเอียดของผู้ใช้ด้วยค่ะ บางทีพอเราเห็นโทรศัพท์ที่ผิวภายนอกใส สะอาด เดี๋ยวใช้งานก็ดูสบายตา และยังช่วยลดความรำคาญเวลาปัดหน้าจอแล้วสะดุดเพราะคราบเหนียวๆ การทำความสะอาดบ่อยๆ ยังทำให้เราสังเกตเห็นความผิดปกติ เช่น รอยแตกเล็กๆ ที่ขอบเครื่อง หรือช่องเสียบที่หลวมผิดปกติ จะได้ซ่อมหรือป้องกันไม่ให้มันลุกลาม
ดังนั้น การทำความสะอาดโทรศัพท์มือถือจึงเป็นการลงทุนเล็กๆ แต่ว่าคุ้มค่าค่ะ ทั้งรักษาสุขภาพเรา ป้องกันเชื้อโรค ลดการเสียเงินซ่อมเครื่อง และยังช่วยให้เราใช้งานได้อย่างราบรื่น การรักษาความสะอาดก็ไม่ใช่เรื่องยาก ไม่จำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์แพงๆ เพียงมีผ้านุ่มๆ น้ำยาทำความสะอาดอ่อนๆ หรือทิชชูไม่มีฝุ่น ก็ช่วยทำให้โทรศัพท์เหมือนใหม่ได้แล้วค่ะ
วัสดุและอุปกรณ์ที่ควรใช้ในการทำความสะอาด
ก่อนจะลงมือทำความสะอาดโทรศัพท์มือถือ เรามาดูอุปกรณ์กันก่อนค่ะ จริงๆ เราไม่ต้องใช้อะไรยุ่งยากหรือแพงมากเลย ของใช้ใกล้ตัวหรือหาซื้อได้ง่ายๆ ตามร้านสะดวกซื้อก็พอแล้วค่ะ
อันดับแรกคือผ้าไมโครไฟเบอร์หรือผ้านุ่มๆ ที่ไม่เป็นขุย ผ้าชนิดนี้จะช่วยเช็ดคราบสกปรกและฝุ่นบนหน้าจอได้ดีโดยไม่ทำให้เกิดรอยขีดข่วน ไม่ควรใช้ผ้าหยาบๆ ผ้าเช็ดตัว หรือกระดาษทิชชูบางชนิดที่มีความหยาบ เพราะอาจทำให้หน้าจอเป็นรอยได้ค่ะ
ถัดมาคือ น้ำกลั่นหรือน้ำสะอาดธรรมดา ผสมน้ำยาล้างจานแบบอ่อนๆ เล็กน้อยก็ได้ค่ะ ไม่ควรใช้น้ำยาทำความสะอาดชนิดแรง หรือมีแอลกอฮอล์เปอร์เซ็นต์สูงมากจนเกินไป เพราะอาจทำลายสารเคลือบหน้าจอหรือทำให้ผิวเครื่องหมองได้ แต่ถ้าเป็นแอลกอฮอล์ความเข้มข้นประมาณ 70% สำหรับฆ่าเชื้อก็ใช้ได้ แต่ต้องระมัดระวัง ไม่ฉีดพ่นลงบนเครื่องตรงๆ ให้ฉีดลงบนผ้าแล้วค่อยเช็ดค่ะ
นอกจากนั้น อาจเตรียมคัตตอนบัดหรือไม้จิ้มฟันพันสำลีเล็กๆ เอาไว้ทำความสะอาดซอกเล็กๆ อย่างช่องลำโพง ช่องชาร์จ แต่ต้องทำเบาๆ นะคะ อย่าออกแรงมาก ไม่งั้นจะทำให้ภายในเสียหายได้
หากมีสเปรย์ทำความสะอาดหน้าจอที่ทำมาสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์โดยเฉพาะก็ใช้ได้เลยค่ะ เลือกผลิตภัณฑ์ที่ผู้ผลิตโทรศัพท์แนะนำจะดีที่สุด
สรุปง่ายๆ อุปกรณ์หลักๆ ก็คือผ้าไมโครไฟเบอร์สะอาดๆ น้ำสะอาดหรือน้ำยาอ่อนๆ คัตตอนบัดสำหรับซอกเล็กๆ เลี่ยงการใช้น้ำยาแรงๆ แค่นี้ก็เพียงพอแล้วค่ะ
ขั้นตอนการทำความสะอาดหน้าจอให้ใสปิ๊ง
เริ่มต้นจากหน้าจอที่เราใช้งานบ่อยที่สุดนะคะ หน้าจอเป็นบริเวณที่เราแตะโดนตลอด วันหนึ่งนับไม่ถ้วน ดังนั้นคราบมันและรอยนิ้วมือจึงมักจะสะสมเยอะเป็นพิเศษ
ขั้นแรก ปิดเครื่องโทรศัพท์ก่อนค่ะ เพื่อความปลอดภัยและจะได้เห็นรอยสกปรกชัดๆ จากนั้นใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์แห้งเช็ดเบาๆ ทั่วหน้าจอ เพื่อปัดฝุ่นผงออกไปก่อน อย่ากดแรงนะคะ เดี๋ยวหน้าจอเป็นรอย
ถ้ายังเห็นคราบมันหรือรอยนิ้วมือชัด ให้ฉีดน้ำสะอาดหรือน้ำยาเช็ดหน้าจออ่อนๆ ลงบนผ้า (ห้ามฉีดลงจอโดยตรง) จากนั้นค่อยๆ เช็ดวนเป็นวงกลมเบาๆ ให้คราบหลุดออก ทำซ้ำจนกว่าหน้าจอจะสะอาดใสค่ะ หากมีคราบเหนียวมากๆ ที่เช็ดไม่ออกในรอบแรก อาจค่อยๆ เพิ่มน้ำยาอีกนิด อย่าใส่เยอะ เดี๋ยวน้ำไหลเข้าซอกเครื่องได้นะคะ
หลังเช็ดเสร็จ ปล่อยให้หน้าจอแห้งหรือนำผ้าแห้งอีกผืนมาเช็ดซ้ำเพื่อไม่ให้มีคราบน้ำหลงเหลือ ทำแบบนี้เป็นประจำสักอาทิตย์ละครั้ง หรือถ้าโทรศัพท์สกปรกบ่อยกว่านั้น ก็ทำความสะอาดได้ตามความเหมาะสมค่ะ หน้าจอใสปิ๊งแล้วเวลาใช้งานจะสบายตามากขึ้น อีกทั้งลดความเสี่ยงเชื้อโรคมาเกาะผิวหน้าด้วยนะคะ
การทำความสะอาดช่องเสียบและลำโพง
ช่องเสียบชาร์จ ช่องหูฟัง รวมถึงช่องลำโพงมักเป็นจุดที่เรามองข้าม แต่จริงๆ ฝุ่นชอบเข้าไปสะสม ทำให้เสียงเบา ชาร์จไม่เข้า หรือเกิดความเสียหายภายในได้ค่ะ
การทำความสะอาดจุดเหล่านี้ควรทำอย่างระมัดระวัง เริ่มจากปิดเครื่องก่อนนะคะ จากนั้นใช้คัตตอนบัดสะอาดหรือไม้จิ้มฟันปลายหุ้มสำลีเล็กๆ ค่อยๆ สอดเข้าไปปัดฝุ่นเบาๆ อย่ากดหรือขูดแรง เพราะอาจทำให้ขั้วภายในหักหรือเสียหายได้ ถ้าฝุ่นเยอะมาก ลองเป่าลมเบาๆ แต่ควรใช้ลูกยางเป่าฝุ่นเล็กๆ แทนการใช้ปากเป่าโดยตรงนะคะ เพราะลมหายใจมีความชื้น อาจทำให้ภายในชื้นได้
ช่องลำโพงก็เช่นกัน ใช้คัตตอนบัดค่อยๆ ปัดเศษฝุ่นออก หากมีสเปรย์ลมสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ใช้พ่นเบาๆ เพื่อไล่ฝุ่น โดยฉีดห่างๆ ไม่ต้องจ่อใกล้จนเกินไป หลังจากทำความสะอาดเสร็จแล้ว ปล่อยให้เครื่องพักสักครู่ ก่อนเปิดใช้งานตามปกติค่ะ ทำแบบนี้เป็นระยะๆ จะช่วยให้เสียงชัด ช่องชาร์จทำงานดี ไม่ต้องงัดแงะเครื่องไปซ่อมบ่อยๆ
การดูแลรักษาโทรศัพท์หลังทำความสะอาด
หลังจากทำความสะอาดโทรศัพท์เสร็จแล้ว ไม่ใช่ว่าเราปล่อยปละละเลยได้เลยนะคะ การดูแลรักษาให้สะอาดสม่ำเสมอจะทำให้เครื่องเราสภาพดีนานขึ้น
เริ่มจากหลีกเลี่ยงการวางโทรศัพท์ในที่สกปรกหรือชื้น เช่น ในห้องน้ำหรือบนพื้นดิน เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เล็กๆ น้อยๆ เช่น ถ้าระหว่างทานอาหาร พยายามอย่าจับโทรศัพท์ด้วยมือเปื้อนน้ำมัน อาจวางโทรศัพท์ไว้ที่ปลอดภัยก่อน ถ้าต้องหยิบขึ้นมาก็ควรใช้ทิชชูเช็ดมือก่อน หรือติดฟิล์มกันรอยหน้าจอและใส่เคสโทรศัพท์ที่ถอดล้างได้ง่าย จะช่วยลดสิ่งสกปรกเกาะบนตัวเครื่องโดยตรงค่ะ
นอกจากนี้ ควรจัดตารางทำความสะอาดเป็นประจำ เช่น สัปดาห์ละครั้งหรือเดือนละครั้งตามการใช้งาน ถ้าคุณทำงานกลางแจ้งหรือมีเหงื่อออกง่าย อาจต้องทำความสะอาดบ่อยขึ้น ตรวจดูสภาพเครื่องเป็นครั้งคราว หากพบว่ามีรอยแตกหรือช่องเสียบเริ่มคับๆ ให้รีบแก้ไข เพราะรอยแตกอาจทำให้ฝุ่นเข้าไปสะสมเยอะขึ้นได้
การดูแลหลังทำความสะอาดนั้นง่ายนิดเดียวค่ะ แค่เรารักษาความสะอาดต่อเนื่อง และหลีกเลี่ยงนิสัยที่ทำให้โทรศัพท์สกปรกง่าย ทั้งนี้จะทำให้เราประหยัดเวลา ประหยัดเงินในการซ่อมแซม และได้ใช้โทรศัพท์อย่างราบรื่นและมีความสุขค่ะ
ข้อควรระวังและข้อห้ามในการทำความสะอาดโทรศัพท์
แม้การทำความสะอาดโทรศัพท์จะง่ายและทำเองที่บ้านได้ แต่ก็มีข้อควรระวังอยู่ค่ะ สิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาดคือ ห้ามฉีดน้ำยาหรือน้ำลงบนตัวเครื่องโดยตรง เพราะน้ำอาจซึมเข้าภายใน ทำให้วงจรเสียหายได้ เสมอไปฉีดใส่ผ้าแล้วค่อยเช็ดจะปลอดภัยกว่าค่ะ
หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีแรงๆ เช่น น้ำยาเช็ดกระจก หรือน้ำยาถูพื้น เพราะส่วนผสมเหล่านั้นอาจกัดผิวเครื่อง ทำให้หน้าจอหมองหรือสารเคลือบกันรอยหลุดลอก ควรใช้น้ำสะอาดหรือน้ำยาเฉพาะสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ดีที่สุด
ห้ามใช้ของแข็งหรือของมีคมขูด ทำความสะอาดในจุดที่ฝุ่นติดแน่น เพราะจะทำให้เกิดรอยขีดข่วน หรือบางครั้งอาจไปทำลายชิ้นส่วนภายใน ถ้าเจอคราบแน่นมาก ให้ค่อยๆ แช่ผ้าหมาดๆ ทิ้งไว้สักครู่แล้วค่อยเช็ดเบาๆ แทนค่ะ
นอกจากนี้ อย่าออกแรงกดหน้าจอหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของเครื่องแรงเกินไป และควรปิดเครื่องถอดแบตเตอรี (ถ้าถอดได้) หรือปิดแหล่งจ่ายไฟก่อนทำความสะอาดเสมอ เพื่อความปลอดภัย หากรู้สึกไม่มั่นใจ หรือกลัวทำพัง แนะนำให้ปรึกษาศูนย์บริการหรือร้านซ่อมมืออาชีพจะดีกว่าค่ะ
สรุปเทคนิคการทำความสะอาดโทรศัพท์ให้อยู่หมัด
หลังจากที่เราได้เรียนรู้เทคนิคและขั้นตอนต่างๆ ในการทำความสะอาดโทรศัพท์มือถือไปแล้วนะคะ ถึงเวลามาสรุปเนื้อหาแบบยาวๆ เพื่อให้เห็นภาพรวมชัดเจนขึ้นค่ะ
เริ่มจากการเข้าใจก่อนว่า โทรศัพท์มือถือเป็นอุปกรณ์ที่เราใช้ทุกวัน แบบวันละหลายๆ ชั่วโมง แถมพกพาไปเกือบทุกที่ ดังนั้นการสะสมของฝุ่นละออง เชื้อโรค คราบมัน คราบเหงื่อไคล และสิ่งสกปรกอื่นๆ จึงหลีกเลี่ยงได้ยากค่ะ การที่เครื่องของเราสกปรกนอกจากจะส่งผลให้ดูไม่น่าใช้แล้ว ยังอาจทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง และที่สำคัญอาจมีเชื้อโรคติดค้างอยู่ บางทีเราเอาโทรศัพท์มาแนบหน้าคุยสาย จึงเสี่ยงต่อการเกิดสิว ผื่น หรือแม้กระทั่งนำเชื้อโรคเข้าร่างกายจากมือและผิวของเราเองค่ะ
การทำความสะอาดโทรศัพท์จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เราไม่จำเป็นต้องรอให้เครื่องสกปรกสุดๆ ถึงค่อยทำ ดูแลประจำก็ช่วยให้เครื่องใสปิ๊งยาวๆ เริ่มต้นจากการเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะสม เช่น ผ้าไมโครไฟเบอร์เนื้อนุ่ม น้ำยาทำความสะอาดอ่อนๆ หรือน้ำสะอาดผสมน้ำยาล้างจานเล็กน้อย คัตตอนบัดสำหรับซอกมุมเล็กๆ ไม่แนะนำให้ใช้สารเคมีแรงๆ เพราะอาจกัดหน้าจอหรือวัสดุของเครื่องได้ค่ะ
ก่อนทำความสะอาดควรปิดเครื่องเพื่อความปลอดภัย จากนั้นเริ่มเช็ดหน้าจอด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์แห้งๆ เพื่อลดฝุ่น ก่อนจะใช้ผ้าหมาดน้ำยาอ่อนๆ เช็ดคราบมันวนเป็นวงกลมเบาๆ ห้ามฉีดน้ำยาลงบนเครื่องตรงๆ เด็ดขาด เพราะเสี่ยงน้ำซึมเข้าไปภายในค่ะ เช็ดจนสะอาดแล้วปล่อยให้แห้งหรือใช้ผ้าแห้งซับอีกรอบ หน้าจอก็จะใสแจ๋วขึ้น ใช้งานเพลินๆ เลยค่ะ
สำหรับช่องเสียบพวกช่องชาร์จ ลำโพง หรือรูหูฟัง ให้ใช้คัตตอนบัดค่อยๆ ปัดฝุ่นออกเบาๆ หรือถ้ามีลูกยางเป่ากล้องใช้เป่าฝุ่นออกได้ แต่ไม่ควรใช้ปากเป่าเพราะความชื้นจากลมหายใจอาจตกค้างภายใน ไม่ควรเอาของมีคมแคะ เพราะจะทำให้ภายในเสียหายได้
หลังทำความสะอาดเสร็จแล้ว อย่าลืมดูแลให้สะอาดต่อเนื่องนะคะ พยายามอย่าวางโทรศัพท์ในที่สกปรกหรือชื้น หลีกเลี่ยงการจับโทรศัพท์ด้วยมือเปื้อน คราบมัน เพราะคราบจะสะสมได้ง่าย หากเลี่ยงไม่ได้ก็ล้างมือให้สะอาดหรือเช็ดมือให้แห้งก่อนหยิบจับเครื่อง อาจใส่เคสป้องกันและฟิล์มกันรอยเพื่อให้ง่ายต่อการทำความสะอาดครั้งต่อไปด้วยค่ะ
สรุปแล้ว การทำความสะอาดโทรศัพท์มือถือคือการลงทุนเวลานิดๆ แต่คุ้มค่ามาก เพราะจะช่วยยืดอายุการใช้งาน ลดปัญหาฝุ่นอุดตัน เสียงลำโพงเบา ช่องเสียบไม่แน่น หน้าจอหมอง รวมไปถึงลดเชื้อโรคที่อาจเป็นสาเหตุของปัญหาสุขภาพผิวและสุขภาพกาย พูดง่ายๆ ว่าทำโทรศัพท์ให้สะอาด ก็เหมือนดูแลสุขภาพเราไปในตัวค่ะ
จำง่ายๆ ว่าขั้นตอนก็คือ ปิดเครื่อง เช็ดฝุ่นเบาๆ เช็ดคราบด้วยผ้านุ่มชุบน้ำยาหรือน้ำสะอาดหมาดๆ ให้สะอาดทั่วถึง ระวังอย่าให้น้ำเข้าช่องต่างๆ ใช้คัตตอนบัดทำความสะอาดซอกเล็กๆ ปล่อยให้แห้ง หรือใช้ผ้าแห้งซับอีกที เสร็จแล้วก็ดูแลไม่ให้เครื่องกลับไปสกปรกง่ายๆ เพียงเท่านี้โทรศัพท์มือถือที่เรารักก็จะสะอาดเหมือนใหม่ ใช้งานได้ยาวนาน สบายใจทุกครั้งที่หยิบขึ้นมาแนบหูแนบแก้มค่ะ
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิง:
Apple Support – Cleaning your iPhone